กลับไปที่สารบัญ

การติดตั้งส่วนกำหนดค่าความปลอดภัย: คู่มือผู้ใช้ การเชื่อมต่อเครือข่าย Intel(R) PRO/Wireless 3945ABG


ใช้ซอฟต์แวร์ Intel(R) PROSet/Wireless
ความปลอดภัยส่วนบุคคล
การตั้งค่าความปลอดภัยส่วนบุคคล
การตั้งค่าการเข้ารหัสและการตรวจสอบความถูกต้อง

ความปลอดภัยองค์กร
การตั้งค่าความปลอดภัยองค์กร


การใช้ซอฟต์แวร์ Intel(R) PROSet/Wireless

ส่วนต่อไปนี้จะอธิบายถึงวิธีการใช้ Intel(R) PROSet/Wireless เพื่อปรับการตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยสำหรับอแด็ปเตอร์ไร้สายของคุณ ดูที่ ความปลอดภัยส่วนบุคคล

และมียังข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการกำหนดค่าการตั้งค่าความปลอดภัยขั้นสูงสำหรับอแด็ปเตอร์ไร้สาย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากผู้ดูแลระบบ (สภาพแวดล้อมแบบองค์กร) หรือการตั้งค่าความปลอดภัยขั้นสูงที่จุดเชื่อมต่อของคุณ (สำหรับผู้ใช้งานในบ้าน) ดูที่ ความปลอดภัยองค์กร

สำหรับข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการตั้งค่าความปลอดภัย ดูที่ ภาพรวมเกี่ยวกับความปลอดภัย


ความปลอดภัยส่วนบุคคล

ใช้ ความปลอดภัยส่วนบุคคล ถ้าคุณเป็นผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ในบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งสามารถใช้กระบวนการด้านความปลอดภัยอย่างง่ายได้หลากหลายวิธีเพื่อปกป้องการเชื่อมต่อไร้สายของคุณ เลือกจากรายการของการตั้งค่าความปลอดภัยซึ่งไม่จำเป็นต้องทำ้การติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมสำหรับระบบเครือข่ายไร้สายของคุณ ไม่จำเป็นต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ RADIUS หรือ AAA


การตั้งค่าความปลอดภัยส่วนบุคคล

คำอธิบายการตั้งค่าความปลอดภัยส่วนบุคคล

ไม่มี WEP CKIP TKIP AES-CCMP

ชื่อ

การตั้งค่า

ความปลอดภัยส่วนบุคคล

เลือกเพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัยส่วนบุคคล การตั้งค่าความปลอดภัยที่ใช้ได้จะขึ้นอยู่กับโหมดการทำงานที่เลือกใน ตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า: อุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) หรือ เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)

การเข้ารหัสข้อมูล

ถ้าคุณกำลังปรับตั้งส่วนกำหนดค่าสำหรับเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) ให้เลือก

  • ไม่มี: ไม่ต้องใช้การตรวจสอบความถูกต้อง
  • WEP 64 บิต หรือ WEP 128 บิต: จะใช้คีย์เครือข่ายหรือรหัสผ่านในการเข้ารหัส

ถ้าคุณต้องการปรับตั้งส่วนกำหนดค่าสำหรับเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน ให้เลือก:

  • ไม่มี: ไม่ต้องใช้การตรวจสอบความถูกต้อง
  • WEP 64 บิต หรือ WEP 128 บิต: จะใช้คีย์เครือข่ายหรือรหัสผ่านในการเข้ารหัส
  • WPA-Personal (TKIP) หรือ WPA2-Personal (TKIP): WPA-Personal จะใช้ Temporal Key Integrity Protocol (TKIP) ในการเข้ารหัส
  • WPA-Personal (AES-CCMP) หรือ WPA2-Personal (AES-CCMP): WPA-Personal จะใช้วิธีการใหม่สำหรับการปกป้องความเป็นส่วนตัวของการรับส่งข้อมูลแบบไร้สาย ซึ่งระบุไว้ในมาตรฐาน IEEE 802.11i, AES-CCMP

ขั้นสูง

เลือกเพื่อเข้าสู่ การตั้งค่าขั้นสูง เพื่อกำหนดค่าตัวเลือกต่อไปนี้:

ย้อนกลับ

ดูหน้าก่อนหน้าในตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า

ตกลง

ปิดตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่าและบันทึกส่วนกำหนดค่า

ยกเลิก

ปิดตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่าและยกเลิกการเปลี่ยนแปลงที่กระทำ

วิธีใช้?

แสดงข้อมูลวิธีใช้สำหรับหน้าปัจจุบัน


ติดตั้งการเข้ารหัสข้อมูล และการตรวจสอบความถูกต้อง

สำหรับเครือข่ายไร้สายในบ้าน คุณสามารถใช้กระบวนการด้านความปลอดภัยอย่างง่ายได้หลายวิธีเพื่อปกป้องการเชื่อมต่อแบบไร้สายของคุณ ซึ่งประกอบด้วย:

การเข้ารหัส Wi-Fi Protected Access (WPA) ช่วยให้มีการป้องกันข้อมูลของคุณในเครือข่าย WPA จะใช้คีย์เข้ารหัสที่เรียกว่า Pre-Shared Key (PSK) เพื่อเข้ารหัสข้อมูลก่อนการส่ง ป้อนรหัสผ่านชุดเดียวกันทั้งในคอมพิวเตอร์และจุดเชื่อมต่อของเครือข่ายในบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็กของคุณ เฉพาะคอมพิวเตอร์ที่ใช้คีย์เข้ารหัสเดียวกันเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงเครือข่าย หรือถอดรหัสข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสไว้ซึ่งส่งมาจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น รหัสผ่านจะเริ่มต้น Temporal Key Integrity Protocol (TKIP) โดยอัตโนมัติสำหรับกระบวนการเข้ารหัสข้อมูล

คีย์เครือข่าย

การเข้ารหัส WEP ให้ความปลอดภัยเป็น 2 ระดับ:

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย ควรใช้คีย์ 128 บิต หากคุณใช้การเข้ารหัส อุปกรณ์ไร้สายทั้งหมดบนเครือข่ายไร้สายของคุณจะต้องใช้คีย์เข้ารหัสที่ตรงกัน

คุณสามารถสร้างคีย์ของคุณเองและระบุความยาวของคีย์ (64 หรือ 128 บิต) และดัชนีคีย์ (ตำแหน่งที่บันทึกคีย์ไว้) ขนาดความยาวของคีย์ยิ่งมาก ก็ยิ่งมีความปลอดภัยสูง

ความยาวของคีย์: 64 บิต

Pass phrase (64 บิต): ป้อนอักขระตัวอักษรและตัวเลข, 0-9, a-z หรือ A-Z จำนวน 5 ตัว
Hex key (64 บิต): ป้อนอักขระเลขฐานสิบหก, 0-9, A-F จำนวน 10 ตัว

ความยาวของคีย์: 128 บิต

Pass phrase (128 บิต): ป้อนอักขระตัวอักษรและตัวเลข 0-9, a-z หรือ A-Z จำนวน 13 ตัว
Hex key (128-บิต):
ป้อนอักขระเลขฐานสิบหก, 0-9, A-F จำนวน 26 ตัว

ด้วย 802.11 สถานีไร้สายจะสามารถกำหนดค่าได้ถึง 4 คีย์ (ค่าดัชนีคีย์ได้แก่ 1, 2, 3 และ 4) เมื่อจุดเชื่อมต่อหรือสถานีไร้สายส่งข้อความที่เข้ารหัสซึ่งใช้คีย์ที่บันทึกอยู่ในดัชนีคีย์ ข้อความที่ส่งจะระบุถึงดัชนีคีย์ที่ถูกใช้ในการเข้ารหัสเนื้อหาของข้อความ จุดเชื่อมต่อหรือสถานีไร้สายที่กำลังรับจึงสามารถรับคีย์ที่บันทึกอยู่ในดัชนีคีย์นั้นได้และใช้ในการถอดรหัสเนื้อหาข้อความที่เข้ารหัสไว้


ความปลอดภัยส่วนบุคคล: การปรับตั้งส่วนกำหนดค่าสำหรับเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ)

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องแบบเปิด และไม่ใช้การเข้ารหัสข้อมูล (ไม่มี)

ในโหมดอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ หรือที่เรียกว่า โหมดเฉพาะกิจ คอมพิวเตอร์ไร้สายจะส่งข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์ไร้สายเครื่องอื่นโดยตรง คุณสามารถใช้โหมดอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์สำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก หรือเพื่อสร้างเครือข่ายไร้สายชั่วคราวสำหรับการประชุม

ในหน้าต่างหลักของ Intel(R)PROSet/Wireless ให้เลือกวีธีการต่อไปนี้เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์:

หมายเหตุ: เครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) จะแสดงด้วยภาพโน้ตบุ๊ค () ในเครือข่ายไร้สายและรายการส่วนกำหนดค่า

การสร้างส่วนกำหนดค่าสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายที่ไม่มีการเข้ารหัส:

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. บนหน้าจอส่วนกำหนดค่า คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของการสร้างส่วนกำหนดค่าไร้สาย
  3. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  4. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  5. โหมดการทำงาน: คลิก อุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ)
  6. คลิก ถัดไป
  7. คลิก ความปลอดภัยองค์กร เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  8. การเข้ารหัสข้อมูล: ค่าเริ่มต้นคือ ไม่มี ซึ่งหมายถึงไม่มีการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายไร้สายนี้
  9. คลิก ตกลง ส่วนกำหนดค่าได้รับการเพิ่มในรายการส่วนกำหนดค่า และเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การเข้ารหัสข้อมูล WEP 64 บิต หรือ WEP 128 บิต

ขณะที่เปิดใช้การเข้ารหัสข้อมูล WEP จะมีการใช้คีย์เครือข่ายหรือรหัสผ่านเพื่อเข้ารหัส

คุณสามารถป้อนคีย์และระบุความยาว (64 หรือ 128 บิต) และดัชนีคีย์ (ตำแหน่งที่บันทึกคีย์ไว้) ได้ คีย์ยิ่งมีความซับซ้อนมาก (ตัวอักษรและตัวเลขผสมกัน) ยิ่งทำให้คีย์นั้นมีความปลอดภัยมาก

การเพิ่มคีย์เครือข่ายให้กับการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์:

  1. ในหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless ให้ดับเบิลคลิกที่เครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) ในรายการเครือข่ายไร้สาย หรือเลือกเครือข่ายและคลิก เชื่อมต่อ เมื่อเชื่อมต่อได้แล้ว ส่วนกำหนดค่าจะถูกสร้างขึ้นในรายการส่วนกำหนดค่า

หมายเหตุ: เครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) จะแสดงด้วยภาพโน้ตบุ๊ค () ในเครือข่ายไร้สายและรายการส่วนกำหนดค่า

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า เพื่อเข้าสู่รายการส่วนกำหนดค่า เลือกเครือข่ายที่คุณเชื่อมต่ออยู่ในขั้นตอนที่ 1
  2. คลิก คุณสมบัติ เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของคุณสมบัติของส่วนกำหนดค่าไร้สาย ชื่อส่วนกำหนดค่าและชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID) จะแสดงขึ้น ควรเลือกแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) เป็นโหมดการทำงาน
  3. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  4. คลิก ความปลอดภัยส่วนบุคคล
  5. การตั้งค่าความปลอดภัย: ค่าเริ่มต้นคือ ไม่มี ซึ่งหมายถึงไม่มีการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายไร้สายนี้

การเพิ่มรหัสผ่านหรือคีย์เครือข่าย:

  1. การตั้งค่าความปลอดภัย: เลือก WEP 64 บิต หรือ WEP 128 บิต เพื่อกำหนดค่าการเข้ารหัสข้อมูล WEP ด้วยคีย์ 64 หรือ 128 บิต

เมื่อเปิดใช้การเข้ารหัส WEP บนจุดเชื่อมต่อ จะมีการใช้คีย์ WEP เพื่อตรวจสอบการเข้าถึงเครือข่าย ถ้าอุปกรณ์ไร้สายไม่มีคีย์ WEP ที่ถูกต้อง แม้ว่าการตรวจสอบความถูกต้องจะผ่านได้เรียบร้อย แต่อุปกรณ์ก็ไม่สามารถส่งข้อมูลได้

  1. รหัสผ่าน: ป้อนรหัสผ่านความปลอดภัยไร้สาย (คีย์เข้ารหัส)
  1. ดัชนีคีย์: สามารถระบุรหัสผ่านได้ไม่เกินสี่ชุด โดยเปลี่ยนแปลงดัชนีคีย์
  2. การเพิ่มรหัสผ่านมากกว่าหนึ่งชุด:
  3. คลิก ตกลง เพื่อกลับเข้าสู่รายการส่วนกำหนดค่า

ความปลอดภัยส่วนบุคคล: การปรับตั้งส่วนกำหนดค่าสำหรับเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน

เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานประกอบด้วยจุดเชื่อมต่ออย่างน้อยหนึ่งจุด และคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งเครื่องที่ติดตั้งอแด็ปเตอร์ไร้สาย จุดเชื่อมต่อแต่ละจุดจะต้องมีการเชื่อมต่อแบบมีสายที่เข้ากับเครือข่ายไร้สาย ในกรณีของผู้ใช้ตามบ้าน มัีกจะเป็นเครือข่ายบรอดแบนด์หรือสายเคเบิล

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยไม่ใช้การเข้ารหัสข้อมูล (ไม่มี)

ในหน้าต่างหลักของ Intel(R)PROSet/Wireless ให้เลือกวีธีต่อไปนี้เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน:


การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การเข้ารหัสข้อมูล WEP 64 บิต หรือ WEP 128 บิต

ขณะที่เปิดใช้การเข้ารหัสข้อมูล WEP จะมีการใช้คีย์เครือข่ายหรือรหัสผ่านเพื่อเข้ารหัส

คีย์เครือข่ายจะถูกจัดเตรียมไว้ให้คุณโดยอัตโนมัติ (เช่น อาจจัดเตรียมให้โดยผู้ผลิตอแด็ปเตอร์เครือข่ายไร้สาย) หรือคุณสามารถป้อนเข้าด้วยตัวเองและระบุความยาวของคีย์ (64 หรือ 128 บิต), รูปแบบคีย์ (ตัวอักขระ ASCII หรือเลขฐานสิบหก), และดัชนีคีย์ (ตำแหน่งที่บันทึกคีย์ไว้) ขนาดความยาวของคีย์ยิ่งมาก ก็ยิ่งมีความปลอดภัยสูง

การเพิ่มคีย์เครือข่ายสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน:

  1. ในหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless ให้ดับเบิลคลิกที่เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานในรายการเครือข่ายไร้สาย หรือเลือกเครือข่ายและคลิก เชื่อมต่อ

หมายเหตุ: เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานจะแสดงด้วยภาพจุดเชื่อมต่อ () ในเครือข่ายไร้สายหรือรายการส่วนกำหนดค่า

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า เพื่อเข้าสู่รายการส่วนกำหนดค่า
  2. คลิก คุณสมบัติ เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของคุณสมบัติของส่วนกำหนดค่าไร้สาย ชื่อส่วนกำหนดค่าและชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID) จะแสดงขึ้น ควรเลือกเครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน) เป็นโหมดการทำงาน
  3. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  4. การตั้งค่าความปลอดภัย: ค่าเริ่มต้นคือ ไม่มี ซึ่งหมายถึงไม่มีการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายไร้สายนี้

การเพิ่มรหัสผ่านหรือคีย์เครือข่าย:

  1. การตั้งค่าความปลอดภัย: เลือก WEP 64 บิต หรือ WEP 128 บิต เพื่อกำหนดค่าการเข้ารหัสข้อมูล WEP ด้วยคีย์ 64 หรือ 128 บิต

เมื่อเปิดใช้การเข้ารหัส WEP บนจุดเชื่อมต่อ จะมีการใช้คีย์ WEP เพื่อตรวจสอบการเข้าถึงเครือข่าย หากอุปกรณ์ไร้สายไม่มีคีย์ WEP ที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าการตรวจสอบความถูกต้องจะเสร็จสมบูรณ์ แต่อุปกรณ์จะไม่สามารถรับส่งข้อมูลผ่านจุดเชื่อมต่อ หรือถอดรหัสข้อมูลที่ได้รับจากจุดเชื่อมต่อ

  1. รหัสผ่าน: ป้อนรหัสผ่านการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายไร้สาย (Pass phrase) หรือคีย์เข้ารหัส (คีย์ WEP)
  2. ดัชนีคีย์: เปลี่ยนดัชนีคีย์เพื่อกำหนดรหัสผ่านได้ 4 ชุด
  3. การเพิ่มรหัสผ่านมากกว่าหนึ่งชุด:

  4. คลิก ตกลง เพื่อกลับเข้าสู่รายการส่วนกำหนดค่า

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตั้งค่าความปลอดภัย WPA-Personal (TKIP) หรือ WPA2-Personal (TKIP)

โหมดส่วนบุคคล WPA จำเป็นต้องใช้การกำหนดค่า pre-shared key (PSK) โดยผู้ใช้ที่จุดเชื่อมต่อและเครื่องลูกข่าย PSK นี้จะตรวจสอบความถูกต้องของผู้ใช้ด้วยรหัสผ่านหรือรหัสระบุเครือข่าย ทั้งที่สถานีเครื่องลูกข่ายและจุดเชื่อมต่อ ไม่จำเป็นต้องใช้เซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบความถูกต้อง โหมดส่วนบุคคล WPA มุ่งหมายให้ใช้สำหรับสภาพแวดล้อมแบบในบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็ก

WPA2 เป็นการรักษาความปลอดภัย WPA รุ่นที่ 2 ที่รับประกันกับองค์กรและผู้ใช้เครือข่ายไร้สายว่าจะมีเฉพาะผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงเครือข่ายไร้สายของพวกเขาได้ WPA2 มีกลไกการเข้ารหัสที่แข็งแำกร่งมากขึ้นโดยผ่านมาตรฐาน Advanced Encryption Standard (AES) ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับบางองค์กรและหน่วยงานในภาครัฐ

การปรับตั้งส่วนกำหนดค่าที่มีการตรวจสอบความถูกต้องของเครือข่าย WPA-Personal และการเข้ารหัสข้อมูล TKIP:

  1. ในหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless ให้ดับเบิลคลิกที่เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานในรายการเครือข่ายไร้สาย หรือเลือกเครือข่ายและคลิก เชื่อมต่อ

หมายเหตุ: เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานจะแสดงด้วยภาพจุดเชื่อมต่อ () ในเครือข่ายไร้สายหรือรายการส่วนกำหนดค่า

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า เพื่อเข้าสู่รายการส่วนกำหนดค่า
  2. คลิก คุณสมบัติ เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของคุณสมบัติของส่วนกำหนดค่าไร้สาย ชื่อส่วนกำหนดค่าและชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID) จะแสดงขึ้น ควรเลือกเครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน) เป็นโหมดการทำงาน
  3. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  4. การตั้งค่าความปลอดภัย: เลือก WPA-Personal (TKIP) เพื่อรักษาความปลอดภัยสำหรับสภาพแวดล้อมแบบเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กหรือในบ้าน ซึ่งจะใช้รหัสผ่านที่เรียกว่า pre-shared key (PSK) รหัสผ่านนี้ยิ่งมีความยาวมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายไร้สายได้มากขึ้น

หากจุดเชื่อมต่อไร้สายหรือเราเตอร์ของคุณสนับสนุน WPA2-Personal คุณควรเปิดใช้งานบนจุดเชื่อมต่อ และกำหนดรหัสผ่านแบบยาวที่ซับซ้อน รหัสผ่านนี้ยิ่งมีความยาวมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายไร้สายได้มากขึ้น รหัสผ่านชุดที่ป้อนลงในจุดเชื่อมต่อจะต้องถูกนำมาใช้บนคอมพิวเตอร์เครื่องนี้และอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย

หมายเหตุ: WPA-Personal และ WPA2-Personal ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

  1. รหัสผ่านความปลอดภัยไร้สาย (คีย์เข้ารหัส): ป้อนข้อความโดยมีจำนวนอักขระตั้งแต่ 8 ถึง 63 ตัว ตรวจสอบว่าคีย์เครือข่ายตรงกับรหัสผ่านในจุดเชื่อมต่อไร้สายหรือไม่
  2. คลิก ตกลง เพื่อกลับเข้าสู่รายการส่วนกำหนดค่า

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตั้งค่าความปลอดภัย WPA-Personal (AES-CCMP) หรือ WPA2-Personal (AES-CCMP)

Wi-Fi Protected Access (WPA) เป็นส่วนปรับปรุงความปลอดภัยที่ช่วยเพิ่มระดับการคุ้มครองข้อมูลและการควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายไร้สาย WPA ใช้การตรวจสอบความถูกต้อง 802.1x และการแลกเปลี่ยนคีย์ และสามารถใช้งานร่วมกับคีย์เข้ารหัสแบบไดนามิกเท่านั้น ในกรณีของผู้ใช้ตามบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็ก WPA-Personal จะใช้ทั้ง Advanced Encryption Standard - Counter CBC-MAC Protocol (AES-CCMP) และ Temporal Key Integrity Protocol (TKIP)

การปรับตั้งส่วนกำหนดค่าที่มีการตรวจสอบความถูกต้องของเครือข่าย WPA2-Personal และการเข้ารหัสข้อมูล AES-CCMP:

  1. ในหน้าส่วนกำหนดค่า ให้เลือกส่วนกำหนดค่า
  2. คลิก คุณสมบัติ เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของคุณสมบัติของส่วนกำหนดค่าไร้สาย ชื่อส่วนกำหนดค่าและชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID) จะแสดงขึ้น ควรเลือกเครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน) เป็นโหมดการทำงาน
  3. คลิก ถัดไป หน้าการตั้งค่าความปลอดภัยจะปรากฏขึ้น
  4. การตั้งค่าความปลอดภัย: เลือก WPA-Personal (AES-CCMP) เพื่อใช้การรักษาความปลอดภัยระดับนี้สำหรับสภาพแวดล้อมแบบเครือข่ายขนาดเล็กหรือในบ้าน โดยใช้รหัสผ่านที่เรียกว่า pre-shared key (PSK) รหัสผ่านนี้ยิ่งมีความยาวมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายไร้สายได้มากขึ้น

AES-CCMP - (Advanced Encryption Standard - Counter CBC-MAC Protocol) เป็นวิธีการใหม่สำหรับการปกป้องความเป็นส่วนตัวของการส่งผ่านแบบไร้สาย ดังระบุไว้ในมาตรฐาน IEEE 802.11i โดย AES-CCMP เป็นวิธีการเข้ารหัสที่เข้มงวดกว่า TKIP ควรเลือกการเข้ารหัสข้อมูลแบบ AES-CCMP เมื่อการป้องกันข้อมูลอย่างเข้มงวดเป็นสิ่งสำคัญ

หากจุดเชื่อมต่อไร้สายหรือเราเตอร์ของคุณสนับสนุน WPA2-Personal คุณควรเปิดใช้งานบนจุดเชื่อมต่อ และกำหนดรหัสผ่านแบบยาวที่ซับซ้อน รหัสผ่านชุดที่ป้อนลงในจุดเชื่อมต่อจะต้องนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้และอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย

หมายเหตุ: WPA-Personal และ WPA2-Personal ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์อาจไม่ีสนับสนุนวิธีแก้ปัญหาความปลอดภัยบางอย่าง คุณอาจต้องใช้ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน LAN แบบบไร้สาย โปรดตรวจสอบรายละเอียดจากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของคุณ

ตั้งค่ารหัสผ่าน:

  1. รหัสผ่านความปลอดภัยไร้สาย (คีย์เข้ารหัส): ป้อนข้อความ (ความยาวของอักขระตั้งแต่ 8 ถึง 63 ตัว) ตรวจสอบว่าคีย์เครือข่ายที่ใช้ตรงกันกับคีย์จุดเชื่อมต่อไร้สายหรือไม่
  2. คลิก ตกลง เพื่อกลับเข้าสู่รายการส่วนกำหนดค่า

กลับไปที่ด้านบน

กลับไปที่สารบัญ


ความปลอดภัยองค์กร

จากหน้าการตั้งค่าความปลอดภัย คุณสามารถป้อนการตั้งค่าความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับเครือข่ายไร้สายที่เลือก

ใช้การรักษาความปลอดภัยองค์กรถ้าสภาพแวดล้อมเครือข่ายของคุณต้องใช้การตรวจสอบความถูกต้อง 802.1x


การตั้งค่าความปลอดภัยองค์กร

คำอธิบายเกี่ยวกับการตั้งค่าความปลอดภัยองค์กร

ชื่อ

การตั้งค่า

ความปลอดภัยองค์กร

เลือกเพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัยองค์กร การตั้งค่าความปลอดภัยที่ใช้ได้จะขึ้นอยู่กับโหมดการทำงานที่เลือก: อุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) หรือ เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)

การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย

ถ้าคุณปรับตั้งส่วนกำหนดค่าสำหรับเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) ค่าเริ่มต้นคือ การตรวจสอบความถูกต้องแบบเปิด

ถ้าคุณจะปรับตั้งส่วนกำหนดค่าโครงสร้างพื้นฐาน ให้เลือก:

การเข้ารหัสข้อมูล

  • ไม่มี: ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล
  • WEP
  • CKIP
  • TKIP
  • AES-CCMP

ใช้งาน 802.1x (ประเภทการตรวจสอบความถูกต้อง)

คลิกเพื่อเปิดประเภทการตรวจสอบความถูกต้อง 802.11x ต่อไปนี้:

ตัวเลือก Cisco

คลิกเพื่อดู ส่วนขยายที่สามารถใช้งานร่วมกับ Cisco

หมายเหตุ: ส่วนขยายที่สามารถใช้งานร่วมกับ Cisco จะถูกเปิดใช้โดยอัตโนมัติสำหรับส่วนกำหนดค่า CKIP และ LEAP

ปุ่มขั้นสูง

เลือกเพื่อเข้าสู่ การตั้งค่าขั้นสูง เพื่อกำหนดค่าตัวเลือกต่อไปนี้:

ย้อนกลับ

ดูหน้าก่อนหน้าในตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า

ถัดไป

ดูหน้าถัดไปในตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า หากจำเป็นต้องใส่ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัย ขั้นตอนถัดไปของหน้าความปลอดภัยจะปรากฏขึ้น

ตกลง

ปิดตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่าและบันทึกส่วนกำหนดค่า

ยกเลิก

ปิดตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่าและยกเลิกการเปลี่ยนแปลงที่กระทำ

วิธีใช้?

แสดงข้อมูลวิธีใช้สำหรับหน้าปัจจุบัน


ความปลอดภัยองค์กร: การปรับตั้งส่วนกำหนดค่าสำหรับเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ)

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องแบบเปิด และไม่ใช้การเข้ารหัสข้อมูล (ไม่มี)

เมื่อใช้การตรวจสอบความถูกต้องแบบ เปิด สถานีไร้สายใดๆ จะสามารถร้องขอการตรวจสอบความถูกต้องได้ สถานีที่ต้องการตรวจสอบความถูกต้องกับสถานีไร้สายอื่นจะส่งเฟรมการจัดการการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งประกอบด้วยรหัสประจำตัวของสถานีที่ส่งสัญญาณ สถานีที่รับสัญญาณหรือจุดเชื่อมต่อจะรับคำร้องขอสำหรับการตรวจสอบความถูกต้อง การตรวจสอบความถูกต้องแบบเปิดจะช่วยให้สามารถเข้าใช้เครือข่ายอุปกรณ์ต่างๆ ได้ หากไม่ได้เปิดใช้การเข้ารหัสบนเครือข่าย อุปกรณ์ใดๆ ที่ทราบ SSID ของจุดเชื่อมต่อ จะสามารถเข้าถึงเครือข่ายได้

ในโหมดอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) คอมพิวเตอร์ไร้สายจะส่งข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์ไร้สายเครื่องอื่นโดยตรง คุณสามารถใช้โหมดอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์สำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก หรือเพื่อสร้างเครือข่ายไร้สายชั่วคราวสำหรับการประชุม

  1. ในหน้าต่างหลักของ Intel(R)PROSet/Wireless ให้เลือกวีธีการต่อไปนี้เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์:

    หมายเหตุ: เครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) จะแสดงด้วยภาพโน้ตบุ๊ค () ในเครือข่ายไร้สายและรายการส่วนกำหนดค่า

การสร้างส่วนกำหนดค่าสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายที่ไม่มีการเข้ารหัส:

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. ที่หน้าส่วนกำหนดค่า ให้คลิก เพิ่ม เพื่อเปิด การตั้งค่าทั่วไปของการสร้างส่วนกำหนดค่าไร้สาย
  3. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  4. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  5. โหมดการทำงาน: คลิก อุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ)
  6. คลิก ถัดไป

  1. คลิก ความปลอดภัยองค์กร เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  2. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เปิด (ถูกเลือกไว้)

เมื่อใช้การตรวจสอบความถูกต้องแบบ เปิด สถานีไร้สายใดๆ จะสามารถร้องขอการตรวจสอบความถูกต้องได้ สถานีที่ต้องการตรวจสอบความถูกต้องกับสถานีไร้สายอื่นจะส่งเฟรมการจัดการการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งประกอบด้วยรหัสประจำตัวของสถานีที่ส่งสัญญาณ สถานีที่รับสัญญาณจะรับคำร้องขอสำหรับการตรวจสอบความถูกต้อง การตรวจสอบความถูกต้องแบบเปิดจะช่วยให้สามารถเข้าใช้เครือข่ายอุปกรณ์ต่างๆ ได้ หากไม่ได้เปิดใช้การเข้ารหัสบนเครือข่าย อุปกรณ์ใดๆ ที่ทราบ SSID ของจุดเชื่อมต่อ จะสามารถเข้าถึงเครือข่ายได้ เครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) จะทำงานโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้อง แบบเปิด เสมอ

  1. การเข้ารหัสข้อมูล: ค่าเริ่มต้นคือ ไม่มี
  2. คลิก ตกลง ส่วนกำหนดค่าได้รับการเพิ่มในรายการส่วนกำหนดค่า และเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องแบบเปิดและการเข้ารหัสข้อมูล WEP

ในหน้าต่างหลักของ Intel(R)PROSet/Wireless ให้เลือกวีธีการต่อไปนี้เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์:

  1. ดับเบิืลคลิกเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) ในรายการเครือข่ายไร้สาย
  2. เลือกเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) ในรายการเครือข่ายไร้สาย คลิก เชื่อมต่อ ซอฟต์แวร์ Intel PROSet/Wireless จะตรวจหาการตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับอแด็ปเตอร์ไร้สายโดยอัตโนมัติ

หมายเหตุ: เครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) จะแสดงด้วยภาพโน้ตบุ๊ค () ในเครือข่ายไร้สายและรายการส่วนกำหนดค่า

  1. ถ้าจำเป็นต้องใช้การเข้ารหัสข้อมูล ให้เลือก WEP คุณจะได้รับแจ้งให้เลือกรหัสผ่านความปลอดภัย (คีย์เข้ารหัส) ระดับการเข้ารหัส 64 บิต หรือ 128 บิต และดัชนีคีย์ ค่าเหล่านี้จะต้องตรงกับอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายแบบอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) ของคุณ มิฉะนั้นจะไม่มีการส่งข้อมูล

    หมายเหตุ: ถ้าคุณจำเป็นต้องแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าเครือข่ายไร้สาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การจัดการส่วนกำหนดค่า

การสร้างส่วนกำหนดค่าสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายที่มีการเข้ารหัส WEP:

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. ที่หน้าส่วนกำหนดค่า ให้คลิก เพิ่ม เพื่อเปิด การตั้งค่าทั่วไปของการสร้างส่วนกำหนดค่าไร้สาย
  3. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  4. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  5. โหมดการทำงาน: คลิก อุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ)
  6. คลิก ถัดไป
  7. คลิก ความปลอดภัยองค์กร เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  8. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เปิด ถูกเลือกอยู่ (ค่าเริ่มต้น) เครือข่ายเฉพาะกิจใช้เฉพาะ การตรวจสอบความถูกต้องแบบเปิด เท่านั้น
  9. การเข้ารหัสข้อมูล: เลือก WEP การเข้ารหัสข้อมูล WEP สามารถกำหนดค่าได้ด้วยคีย์ 64 หรือ 128 บิต ถ้าอุปกรณ์ไร้สายไม่มีคีย์ WEP ที่ถูกต้อง อุปกรณ์จะไม่สามารถส่งข้อมูลหรือถอดรหัสข้อมูลได้
  10. ระดับการเข้ารหัส: เลือก 64 หรือ 128 บิต
  11. รหัสผ่านความปลอดภัยไร้สาย (คีย์เข้ารหัส):ป้อนรหัสผ่านเครือข่ายไร้สาย (คีย์ WEP) รหัสผ่านเป็นค่าเดียวกันกับที่ใช้โดยจุดเชื่อมต่อไร้สายหรือเราเตอร์ สอบถามรหัสผ่านนี้ได้จากผู้ดูแลระบบของคุณ
  1. ดัชนีคีย์: เลือก 1, 2, 3 หรือ 4 สามารถระบุรหัสผ่านได้ไม่เกินสี่ชุดโดยเปลี่ยนดัชนีคีย์

การเปลี่ยนการตั้งค่าความปลอดภัย:

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless เครือข่ายที่คุณเพิ่งเชื่อมต่อจะแสดงขึ้นในรายการส่วนกำหนดค่า
  2. เลือกเครือข่ายไร้สาย
  3. คลิก คุณสมบัติ เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของคุณสมบัติส่วนกำหนดค่าไร้สาย ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID) และ ชื่อส่วนกำหนดค่า ได้รับการกำหนดไว้แล้ว อุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (เฉพาะกิจ) ถูกเลือกเป็นโหมดการทำงาน
  4. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  5. คลิก ความปลอดภัยองค์กร
  6. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: ค่าเริ่มต้นคือ เปิด ไม่ใช้การตรวจสอบความถูกต้อง
  7. การเข้ารหัสข้อมูล: WEP ถูกเลือก คุณสามารถเปลี่ยนคีย์ WEP, ดัชนีคีย์ หรือระดับการเข้ารหัส
  8. คลิก ตกลง เพื่อกลับไปที่รายการส่วนกำหนดค่าหลังจากที่คุณเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงแล้ว

ความปลอดภัยองค์กร: การปรับตั้งส่วนกำหนดค่าสำหรับเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน

เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานประกอบด้วยจุดเชื่อมต่ออย่างน้อยหนึ่งจุด และคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งเครื่องที่ติดตั้งอแด็ปเตอร์ไร้สาย จุดเชื่อมต่อแต่ละจุดจะต้องมีการเชื่อมต่อแบบมีสายที่เข้ากับเครือข่ายไร้สาย

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยไม่ใช้การตรวจสอบความถูกต้องหรือการเข้ารหัสข้อมูล (ไม่มี)

ในหน้าหลัก Intel(R)PROSet/Wireless ให้เลือกวีธีต่อไปนี้เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน:

ถ้าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้อง เครือข่ายจะเชื่อมต่อโดยไม่แสดงกล่องโต้ตอบให้ป้อนข้อมูลรับรองการล็อกออน อุปกรณ์ไร้สายที่ใช้ชื่อเครือข่ายที่ถูกต้อง (SSID) จะสามารถเชื่อมโยงกับอุปกรณ์อื่นๆ ในเครือข่ายได้

การสร้างส่วนกำหนดค่าสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายที่ไม่มีการเข้ารหัส:

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. บนหน้าจอส่วนกำหนดค่า คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของการสร้างส่วนกำหนดค่าไร้สาย
  3. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  4. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  5. โหมดการทำงาน: คลิก เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)
  6. คลิก ถัดไป
  7. คลิก ความปลอดภัยองค์กร เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  8. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เปิด (ถูกเลือกไว้)

การตรวจสอบความถูกต้องแบบเปิดจะช่วยให้อุปกรณ์ไร้สายสามารถเข้าใช้เครือข่าย โดยไม่มีการตรวจสอบความถูกต้อง 802.11 หากไม่ได้เปิดใช้การเข้ารหัสบนเครือข่าย อุปกรณ์ไร้สายใดๆ ที่มีชื่อเครือข่ายที่ถูกต้อง (SSID) จะสามารถเชื่อมโยงกับจุดเชื่อมต่อ และสามารถเข้าใช้เครือข่ายได้

  1. การเข้ารหัสข้อมูล: ค่าเริ่มต้นคือ ไม่มี
  2. คลิก ตกลง ส่วนกำหนดค่าได้รับการเพิ่มในรายการส่วนกำหนดค่า และเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่ายที่ใช้ร่วมกัน

เมื่อใช้การตรวจสอบความถูกต้องแบบคีย์ที่ใช้ร่วมกัน สถานีไร้สายแต่ละสถานีจะถูกคาดหมายว่าได้รับคีย์ที่ใช้ร่วมกันผ่านแชนเนลที่ปลอดภัยซึ่งแยกอิสระจากแชนเนลการสื่อสารของเครือข่ายไร้สาย 802.11 การตรวจสอบความถูกต้องแบบคีย์ที่ใช้ร่วมกันกำหนดว่าเครื่องลูกข่ายจะต้องตั้งค่าคีย์ WEP หรือ CKIP แบบคงที่ เครื่องลูกข่ายจะสามารถเข้าใช้เครือข่ายเฉพาะในกรณีที่ผ่านการตรวจสอบแบบใช้คำถาม CKIP มีการเข้ารหัสข้อมูลที่ดีกว่า WEP แต่ไม่ใช่ทุกระบบปฏิบัติการและจุดเชื่อมต่อที่สนับสนุนคีย์แบบนี้

หมายเหตุ: ขณะที่คีย์ที่ใช้ร่วมกันดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับระดับความปลอดภัยที่สูงขึ้น แต่ก็มีจุดอ่อนซึ่งเกิดขึ้นจากการส่งข้อความว่างของสายอักขระไปยังเครื่องลูกข่าย เมื่อผู้อื่นที่พยายามเข้าระบบพบสายอักขระที่เสี่ยงภัยนี้ ก็จะสามารถหาวิธีกลับค่าคีย์การตรวจสอบความถูกต้องแบบใช้ร่วมกันออกมาได้อย่างง่ายดาย ดัีงนั้น ในความเป็นจริงการตรวจสอบความถูกต้องแบบเปิดจึงมีความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งที่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นก็ตาม การสร้างส่วนกำหนดค่าที่มีการตรวจสอบความถูกต้องแบบใช้ร่วมกัน:

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. บนหน้าจอส่วนกำหนดค่า คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของการสร้างส่วนกำหนดค่าไร้สาย
  3. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  4. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  5. โหมดการทำงาน: คลิก เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)
  6. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  7. คลิก ความปลอดภัยองค์กร
  8. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เลือก ใช้ร่วมกัน การตรวจสอบความถูกต้องแบบใช้ร่วมกันจะใช้คีย์ WEP ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
  9. การเข้ารหัสข้อมูล: เลือก ไม่มี, WEP (64 หรือ 128 บิต) หรือ CKIP (64 หรือ 128 บิต)
  10. ใช้งาน 802.1x: ยกเลิกใช้งาน
  11. ระดับการเข้ารหัส: 64 บิต หรือ 128 บิต: เมื่อสลับการเข้ารหัสระหว่าง 64 และ 128 บิต การตั้งค่าก่อนหน้านี้จะถูกลบทิ้ง และจะต้องป้อนคีย์ใหม่
  12. ดัชนีคีย์: เลือก 1, 2, 3 หรือ 4 เปลี่ยนดัชนีคีย์เพื่อกำหนดรหัสผ่านได้ 4 ชุด
  13. รหัสผ่านความปลอดภัยไร้สาย (คีย์เข้ารหัส): ป้อนรหัสผ่านเครือข่ายไร้สาย (คีย์เข้ารหัส WEP) รหัสผ่านนี้เป็นค่าเดียวกันกับที่ใช้โดย IP ไร้สายหรือเราเตอร์ สอบถามรหัสผ่านนี้ได้จากผู้ดูแลระบบของคุณ

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย WPA-Personal หรือ WPA2-Personal

Wi-Fi Protected Access (WPA) เป็นส่วนปรับปรุงความปลอดภัยที่ช่วยเพิ่มระดับการคุ้มครองข้อมูลและการควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายไร้สาย WPA ใช้การแลกเปลี่ยนคีย์และจะทำงานเฉพาะกับคีย์เข้ารหัสแบบไดนามิกเท่านั้น หาก IP ไร้สายหรือเราเตอร์ของคุณสนับสนุน WPA-Personal และ WPA2 Personal คุณควรเปิดใช้งานบน IP และกำหนดรหัสผ่านแบบยาวที่ซับซ้อน สำหรับเครือข่ายส่วนบุคคลหรือเครือข่ายภายในบ้าน ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ RADIUS หรือเซิร์ฟเวอร์ AAA ให้ใช้ Wi-Fi Protected Access Personal

หมายเหตุ: WPA-Personal หรือ WPA2-Personal ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

ระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์ของคุณอาจไม่สนับสนุนโซลูชั่นความปลอดภัยบางประเภท และอาจจำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์บางชนิดเพิ่มเติม รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้าง LAN ไร้สาย โปรดตรวจสอบรายละเอียดจากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของคุณ

การเพิ่มส่วนกำหนดค่าที่มีการตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย WPA-Personal หรือ WPA2-Personal:

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. บนหน้าจอส่วนกำหนดค่า คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า
  3. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  4. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  5. โหมดการทำงาน: คลิก เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)
  6. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  7. คลิก ความปลอดภัยองค์กร
  8. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เลือก WPA-Personal หรือ WPA2-Personal ดู ภาพรวมเกี่ยวกับความปลอดภัย
  9. การเข้ารหัสข้อมูล: เลือกตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้:
  10. รหัสผ่าน: ป้อนข้อความโดยมีจำนวนอักขระตั้งแต่ 8 ถึง 63 ตัว รหัสผ่านนี้ยิ่งมีความยาวมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายไร้สายได้มากขึ้น รหัสผ่านชุดที่ป้อนลงในจุดเชื่อมต่อจะต้องนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้และอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย WPA-Enterprise หรือ WPA2-Enterprise

WPA-2 Enterprise จำเป็นต้องใช้เซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบความถูกต้อง

หมายเหตุ: WPA-Enterprise และ WPA2-Enterprise ไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้

การเพิ่มส่วนกำหนดค่าที่ใช้การตรวจสอบความถูกต้อง WPA-Enterprise หรือ WPA2-Enterprise:

  1. ติดต่อขอรับชื่อและรหัสผ่านบนเซิร์ฟเวอร์ RADIUS จากผู้ดูแลระบบของคุณ
  2. การตรวจสอบความถูกต้องบางประเภทจำเป็นต้องมีและติดตั้งใบรับรองระดับลูกข่าย ดูที่ การตั้งค่าเครื่องลูกข่ายสำหรับการตรวจสอบความถูกต้อง TLS หรือสอบถามผู้ดูแลระบบ
  3. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  4. บนหน้าจอส่วนกำหนดค่า คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า
  5. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  6. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  7. โหมดการทำงาน: คลิก เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)
  8. คลิก ถัดไป
  9. คลิก ความปลอดภัยองค์กร
  10. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เลือก WPA-Enterprise หรือ WPA2-Enterprise
  11. การเข้ารหัสข้อมูล: เลือกตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้:
  12. ใช้งาน 802.1x: ถูกเลือกไว้
  13. ประเภทการตรวจสอบความถูกต้อง: เลือกตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้: EAP-SIM, LEAP, TLS, TTLS, PEAP, EAP-FAST

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การเข้ารหัสข้อมูล WEP และการตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย MD5

การตรวจสอบความถูกต้อง MD5 เป็นวิธีการตรวจสอบความถูกต้องแบบทางเดียว ซึ่งใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน วิธีนี้ไม่สนับสนุนการจัดการคีย์ แต่จำเป็นต้องใช้คีย์ที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้า หากมีการใช้การเข้ารหัสข้อมูล เมื่อต้องการเพิ่มการตรวจสอบความถูกต้อง WEP และ MD5 ในส่วนกำหนดค่าใหม่:

หมายเหตุ: ก่อนที่คุณจะเริ่มต้น คุณจำเป็นต้องทราบชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านบนเซิร์ฟเวอร์ RADIUS ที่อนุญาตให้เข้าถึงเครือข่ายได้

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. บนหน้าจอส่วนกำหนดค่า คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า
  3. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  4. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  5. โหมดการทำงาน: คลิก เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)
  6. คลิก ถัดไป
  7. คลิก ความปลอดภัยองค์กร
  8. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เลือก เปิด (แนะนำ)
  9. การเข้ารหัสข้อมูล:เลือก WEP
  10. เลือก ใช้งาน 802.1x
  11. ประเภทการตรวจสอบความถูกต้อง: เลือก MD5

ขั้นที่ 1 จาก 2: รหัสผ่าน

  1. ระดับการเข้ารหัส: เลือกทั้ง 64 หรือ 128 บิต
  2. หัสผ่านความปลอดภัยไร้สาย (คีย์เข้ารหัส): ป้อนชื่อเครือข่ายของคุณ (รหัสผ่านความปลอดภัยไร้สาย) สำหรับเครือข่ายไร้สายของคุณ ตรวจสอบว่าคีย์เครือข่ายที่ใช้ตรงกันกับ IP ไร้สายหรือไม่
  3. ดัชนีคีย์: เลือก 1, 2, 3 หรือ 4 (คีย์ที่เป็นค่าเริ่มต้นคือ 1)
  4. คลิก ถัดไป

ขั้นที่ 2 จาก 2: ผู้ใช้ MD5

  1. เลือกวิธีการใช้ข้อมูลรับรองข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้:

    หมายเหตุ: ตัวเลือกนี้ไม่สามารถใช้ได้ถ้าไม่ได้เลือกการเชื่อมต่อแบบล็อกออนล่วงหน้าในระหว่างการติดตั้งซอฟต์แวร์ Intel PROSet/Wireless ดูที่ ติดตั้งหรือถอนการติดตั้งคุณลักษณะ Single Sign On

  1. คลิก ตกลง เพื่อบันทึกข้อมูลรับรอง
  2. คลิก เชื่อมต่อ เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายที่เลือก

ถ้าคุณไม่ได้เลือก ใช้ข้อมูลล็อกออนเข้าระบบ Windows บนหน้าจอการตั้งค่าความปลอดภัย และไม่ได้กำหนดค่าข้อมูลรับรองผู้ใช้ ข้อความ ป้อนข้อมูลรับรอง จะปรากฏขึ้นเมื่อคุณพยายามเชื่อมต่อเข้าส่วนกำหนดค่านี้ ป้อนชื่อผู้ใช้ โดเมน และรหัสผ่านของคุณ คลิก ตกลง เพื่อเข้าถึงส่วนกำหนดค่า

  1. คลิก ตกลง เพื่อปิด Intel PROSet/Wireless

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การเข้ารหัสข้อมูล WEP และการตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย EAP-SIM

EAP-SIM ใช้คีย์ WEP ที่ขึ้นกับเซสชันแบบไดนามิก ซึ่งจะได้รับจากอแด็ปเตอร์ลูกข่ายและเซิร์ฟเวอร์ RADIUS เพื่อเข้ารหัสข้อมูล EAP-SIM จำเป็นต้องให้คุณป้อนรหัสการตรวจสอบผู้ใช้ หรือ Personal Identification Number (PIN) สำหรับการสื่อสารกับการ์ด Subscriber Identity Module (SIM) ซิมการ์ดเป็นสมาร์ทการ์ดชนิดพิเศษที่ใช้บนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ดิจิตอลในระบบ Global System for Mobile Communications (GSM) การเพิ่มส่วนกำหนดค่าที่ใช้การตรวจสอบความถูกต้อง EAP-SIM:

  1. ที่หน้าส่วนกำหนดค่า ให้คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไป
  2. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่า
  3. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  4. โหมดการทำงาน: คลิก เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)
  5. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  6. คลิก ความปลอดภัยองค์กร
  7. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เลือก เปิด (แนะนำ)
  8. การเข้ารหัสข้อมูล:เลือก WEP
  9. คลิก ใช้งาน 802.1x
  10. ประเภทการตรวจสอบความถูกต้อง: เลือก EAP-SIM

การตรวจสอบความถูกต้อง EAP-SIM สามารถใช้งานร่วมกับ:

ผู้ใช้ EAP-SIM (จะใส่ข้อมูลนี้หรือไม่ก็ได้)

  1. ระบุชื่อผู้ใช้ (รหัสประจำตัว): คลิกเพื่อระบุชื่อผู้ใช้
  1. คลิก ตกลง

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย TLS

การตั้งค่าเหล่านี้จะกำหนดโปรโตคอลและข้อมูลรับรองที่ใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของผู้ใช้ การตรวจสอบความถูกต้องแบบ Transport Layer Security (TLS) เป็นวิธีการตรวจสอบความถูกต้องที่ใช้ใบรับรองดิจิตอลในการตรวจสอบรหัสประจำตัวของเครื่องลูกข่ายและเซิร์ฟเวอร์

การเิพิ่มส่วนกำหนดค่าที่มีการตรวจสอบความถูกต้อง TLS:

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. บนหน้าจอส่วนกำหนดค่า คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า
  3. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  4. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  5. โหมดการทำงาน: คลิก เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)
  6. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  7. คลิก ความปลอดภัยองค์กร
  8. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เลือก WPA-Enterprise หรือ WPA2-Enterprise
  9. การเข้ารหัสข้อมูล:เลือก AES-CCMP (แนะนำ)
  10. ใช้งาน 802.1x:ถูกเลือกไว้
  11. ประเภทการตรวจสอบความถูกต้อง: เลือก TLS เพื่อใช้กับการเชื่อมต่อนี้

ขั้นที่ 1 จาก 2: ผู้ใช้ TLS

  1. ขอรับและติดตั้งใบรับรองลูกข่าย ดูที่ การตั้งค่าเครื่องลูกข่ายสำหรับการตรวจสอบความถูกต้อง TLS หรือสอบถามผู้ดูแลระบบของคุณ
  2. เลือกหนึ่งรายการจากรายการต่อไปนี้เพื่อขอรับใบรับรอง:
  3. คลิก ถัดไป

ขั้นที่ 2 จาก 2: เซิร์ฟเวอร์ TLS

เลือกตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้:

  1. เลือกตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้:

หมายเหตุ: สามารถขอรับค่าพารามิเตอร์เหล่านี้ได้จากผู้ดูแลระบบ

  1. คลิก ตกลง เพื่อบันทึกค่าใหม่และปิดหน้าจอ

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย TTLS

การตรวจสอบความถูกต้อง TTLS: การตั้งค่าเหล่านี้จะกำหนดโปรโตคอลและข้อมูลรับรองที่ใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของผู้ใช้ เครื่องลูกข่ายจะใช้ EAP-TLS เพื่อตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ และสร้างแชนเนลที่เข้ารหัสด้วย TLS ระหว่างเครื่องลูกข่ายและเซิร์ฟเวอร์ เครื่องลูกข่ายจะสามารถใช้โปรโตคอลอื่นสำหรับการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นโปรโตคอลที่ใช้รหัสผ่าน (ตัวอย่างเช่น MD5 Challenge บนแชนเนลที่เข้ารหัสนี้ เพื่อรองรับการตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์) กลุ่มข้อมูลคำถามและคำตอบจะถูกส่งบนแชนเนลที่เข้ารหัส TLS ซึ่งไม่ถูกเปิดเผย ตัวอย่างต่อไปนี้จะอธิบายถึงวิธีการใช้ WPA ที่ใช้การเข้ารหัส AES-CCMP และใช้การตรวจสอบความถูกต้อง TTLS

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย TTLS:

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. บนหน้าจอส่วนกำหนดค่า คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า
  3. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  4. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  5. โหมดการทำงาน: คลิก เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)
  6. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  7. คลิก ความปลอดภัยองค์กร
  8. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เลือก WPA-Enterprise หรือ WPA2-Enterprise
  9. การเข้ารหัสข้อมูล: เลือกตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้:
  10. ใช้งาน 802.1x: ถูกเลือกไว้
  11. ประเภทการตรวจสอบความถูกต้อง: เลือก TTLS เพื่อใช้กับการเชื่อมต่อนี้

ขั้นที่ 1 จาก 2: ผู้ใช้ TTLS

  1. โปรโตคอลการตรวจสอบความถูกต้อง: ค่าพารามิเตอร์นี้ระบุโปรโตคอลการตรวจสอบความถูกต้องที่ทำงานบนอุโมงค์ TTLS โปรโตคอลที่ใช้ได้แก่ PAP (ค่าเริ่มต้น), CHAP, MD5, MS-CHAP และ MS-CHAP-V2 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน ภาพรวมเกี่ยวกับความปลอดภัย

สำหรับโปรโตคอล PAP, CHAP, MD5, MS-CHAP และ MS-CHAP-V2 ให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งในการตรวจสอบความถูกต้องเหล่านี้:

หมายเหตุ: ตัวเลือกนี้ไม่สามารถใช้ได้ถ้าไม่ได้เลือกการเชื่อมต่อแบบล็อกออนล่วงหน้าในระหว่างการติดตั้งซอฟต์แวร์ Intel PROSet/Wireless ดูที่ ติดตั้งหรือถอนการติดตั้งคุณลักษณะ Single Sign On

  1. รหัสประจำตัวการข้ามเครือข่าย: ถ้ารหัสประจำตัวการข้ามเครือข่ายถูกล้างไป จะใช้ %domain%\%username% เป็นค่าเริ่มต้น

เมื่อใช้ 802.1x MS RADIUS เป็นเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบความถูกต้อง เซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวจะตรวจสอบอุปกรณ์โดยใช้ชื่อผู้ใช้ รหัสประจำตัวการข้ามเครือข่าย จากซอฟต์แวร์ Intel PROSet/Wireless และไม่ใช้ชื่อผู้ใช้ โปรโตคอลการตรวจสอบความถูกต้อง MS-CHAP-V2 คุณลักษณะนี้เป็นรหัสประจำตัว 802.1x ที่จัดหาให้กับตัวตรวจสอบความถูกต้อง Microsoft IAS RADIUS ยอมรับเฉพาะชื่อผู้ใช้ที่ถูกต้อง (ผู้ใช้ dotNet) สำหรับเครื่องลูกข่าย EAP เมื่อใช้ 802.1x MS RADIUS ให้ป้อนชื่อผู้ใช้ที่ถูกต้อง สำหรับเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ทั้งหมด จะใส่ข้อมูลนี้หรือไม่ก็ได้ ดังนั้น ขอแนะนำให้ใช้โดเมนที่ต้องการ (ตัวอย่างเช่น anonymous@myrealm) แทนการใช้รหัสประจำตัวที่แท้จริง

ขั้นที่ 2 จาก 2: เซิร์ฟเวอร์ TTLS

หมายเหตุ: สามารถขอรับค่าพารามิเตอร์เหล่านี้ได้จากผู้ดูแลระบบ

  1. คลิก ตกลง เพื่อบันทึกค่าใหม่และปิดหน้าจอ

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย PEAP

การตรวจสอบความถูกต้อง PEAP: การตั้งค่า PEAP จำเป็นต้องใช้สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องลูกข่ายต่อเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบความถูกต้อง เครื่องลูกข่ายจะใช้ EAP-TLS เพื่อตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ และสร้างแชนเนลที่เข้ารหัสด้วย TLS ระหว่างเครื่องลูกข่ายและเซิร์ฟเวอร์ เครื่องลูกข่ายจะสามารถใช้กลไก EAP อื่น (เช่น Microsoft Challenge Authentication Protocol (MS-CHAP) รุ่น 2) บนแชนเนลที่เข้ารหัสนี้ เพื่อรองรับการตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ กลุ่มข้อมูลคำถามและคำตอบจะถูกส่งบนแชนเนลที่เข้ารหัส TLS ซึ่งไม่ถูกเปิดเผย ตัวอย่างต่อไปนี้จะอธิบายถึงวิธีการใช้ WPA ที่ใช้การเข้ารหัส AES-CCMP หรือ TKIP และใช้การตรวจสอบความถูกต้อง PEAP

การติดตั้งเครื่องลูกข่ายโดยใช้การตรวจสอบความถูกต้อง PEAP:

ขอรับและติดตั้งใบรับรองระดับลูกข่าย ดูที่ ตั้งค่าเครื่องลูกข่ายสำหรับการตรวจสอบความถูกต้อง TLS หรือสอบถามผู้ดูแลระบบ

  1. คลิก ส่วนกำหนดค่า บนหน้าต่างหลักของ Intel PROSet/Wireless
  2. บนหน้าจอส่วนกำหนดค่า คลิก เพิ่ม เพื่อเปิดการตั้งค่าทั่วไปของตัวช่วยสร้างส่วนกำหนดค่า
  3. ชื่อส่วนกำหนดค่า: ป้อนชื่อส่วนกำหนดค่าที่บ่งบอกความหมายได้
  4. ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID): ป้อนตัวระบุเครือข่าย
  5. โหมดการทำงาน: คลิก เครือข่าย (โครงสร้างพื้นฐาน)
  6. คลิก ถัดไป เพื่อเปิดการตั้งค่าความปลอดภัย
  7. คลิก ความปลอดภัยองค์กร
  8. การตรวจสอบความถูกต้องเครือข่าย: เลือก WPA-Enterprise หรือ WPA2-Enterprise
  9. การเข้ารหัสข้อมูล: เลือกตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้:
  10. ใช้งาน 802.1x: ถูกเลือกไว้
  11. ประเภทการตรวจสอบความถูกต้อง: เลือก PEAP เพื่อใช้กับการเชื่อมต่อนี้

ขั้นที่ 1 จาก 2: ผู้ใช้ PEAP

PEAP จะให้ความเชื่อถือกับ Transport Layer Security (TLS) ในการอนุญาตสำหรับประเภทการตรวจสอบความถูกต้องโดยไม่ได้เข้ารหัส (เช่น การสนับสนุน EAP-Generic Token Card (GTC) และ One-Time Password (OTP))